วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ข้อดีและข้อเสียของหมาแดงขนาดใหญ่



ข้อดี
 1. พาไปวิ่งออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องกลัวหมาอื่นไล่กัด เพราะด้วยขนาดที่ใหญ่และหน้าตาที่แสนโหด แทบจะไม่เคยต้องปะทะกับใคร
     เพราะแค่เห่าหมาอื่นก็ถอยกรูดแล้ว และถ้าหากต้องสู้เพื่อป้องกันตัวก็ไม่เคยกลัวใคร
2. กินง่าย ดูแลง่าย เอาอาหารวางไว้ 10 นาที ถ้าไม่กินก็เก็บปล่อยให้อด ฝึกซักอาทิตย์รับรองว่าต่อไปกินเรียบทุกครั้ง
3. ไม่รู้จักคำว่ายอมแพ้ ความพยายามเป็นเลิศ

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ตอบคำถามคาใจ


ทำไมต้องเลี้ยงหมา
ผมต้องการมี “เพื่อน” ครับ
หลายท่านคงได้ยินคำกล่าวที่ว่า “มีหมาเป็นเพื่อน ดีกว่ามีเพื่อนหมาหมา”
เมื่อก่อนผมเป็นคนประเภทว่าจะทำอะไรต้องคิดเสมอว่าจะได้กำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่
และผมก็คิดว่าการเลี้ยงหมาเป็นการเพิ่มภาระให้กับตัวเองเปล่าๆ
แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่เปลี่ยนแปลงทัศนคตินี้ไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อ 14 เมษายน 2549 หลังจากที่ผมเพิ่งบรรจุเป็นปลัดอำเภอที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้เพียง 3 เดือน
ภรรยาของผมซึ่งได้ย้ายตามมาอยู่ด้วยได้นำหมาจรจัดตัวหนึ่งมา อายุประมาณ 2 เดือน
สภาพเป็นขี้เรื้อนทั้งตัว มีขนเพียงกระจุกเดียวบนหัว เจ้าของคงเอามาทิ้ง เวลาเดินไปไหนคนก็จะเอาน้ำสาด
วันหนึ่งมันแอบมานอนที่ร้านไอศกรีมที่ผมรู้จักและเคยมาพักอาศัย ผมกับภรรยาก็เลยเก็บมันมาเลี้ยง
และตั้งชื่อมันตามวันที่พบมันว่า “สงกรานต์” เรารักษาจนมันหายดี มันสวยจนไม่น่าเชื่อ
หมอที่ปศุสัตว์บอกว่ามันเป็นพันธุ์บางแก้วลูกผสม
และมันก็ตอบแทนเราด้วยการทำหน้าที่เป็นบอร์ดี้การ์ดของภรรยาผม เป็นเพื่อนยามดึก ยามที่ภรรยาผมกลัวผี
ทำให้บ้านไม่เหงา มีเรื่องให้เราได้คุยได้เมาท์ถึงเจ้าสงกรานต์อยู่เสมอ

ทำไมต้องเป็นพิทบูล
        ถึงแม้ว่าเจ้าสงกรานต์จะเป็นพันธุ์บางแก้วผสมซึ่งมีสายเลือดนักสู้อยู่บ้าง แต่ข้อเสียของมันคือตัวเล็กไปหน่อยและไม่สามารถปกป้องเราจากการโดนหมาข้างถนนที่ชอบไล่กัดเราอยู่เสมอ บ่อยครั้งที่สงกรานต์โดนหมาข้างถนนไล่กันอย่างหัวซุกหัวซุน ผมกลับกลายเป็นฝ่ายที่ต้องปกป้องมันมากกว่าที่มันจะปกป้องผม วันหนึ่งผมจึงเริ่มศึกษาและมีความคิดว่าอยากจะได้หมาที่แข็งแกร่งมาเลี้ยงไว้ เพื่อช่วยสงกรานต์เฝ้าบ้านซึ่งมีพื้นที่กว่า 5 ไร่ ผมจึงซื้อร็อตไวเลอร์ผสมโดเบอร์แมนมาตัวหนึ่ง เป็นตัวผู้ มันชื่อ “คริสมาสต์” และซื้อพิทบูลตัวเมียจมูกแดงตัวหนึ่งมาเลี้ยง ชื่อ “พิทตี้”
         วันหนึ่งในระหว่างที่ผมกำลังพา สงกรานต์ คริสมาสต์(อายุ 6 เดือน) และพิทตี้ (อายุ 3 เดือน) ไปวิ่ง ปรากฏว่ามีหมาข้างถนนหลายตัววิ่งมาเห่าผมพร้อมทั้งเข้ามากัดเจ้าสงกรานต์ เจ้าคริสต์มาสต์ก็ทำให้ผมตะลึงด้วยการวิ่งหนีกลับบ้านทันที ส่วนเจ้าพิทตี้ซึ่งตัวเล็กที่สุดก็ทำให้ผมยืนอ้าปากค้างด้วยการวิ่งเข้าไปตะลุมบอนในกลุ่มหมาใหญ่โดยไม่ลังเลหรือเกรงกลัวใดๆ หลังจากนั้นผมจึงเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง จนค้นพบว่า พิทบูล คือหมาเลือดนักสู้ ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
       แต่ผมต้องทำความเข้าใจกับทุกๆท่านก่อนนะครับว่า ผมไม่ได้เลี้ยงหมาที่กัดเก่งๆเพื่อไปทำร้ายใครหรือไปรังแกหมาตัวไหน
แต่คนอย่างผมรับไม่ได้กับการโดนรังแก พิทบูลที่ผมเลี้ยงเป็นเพียงบอดี้การ์ดที่คอยปกป้องผม จากการไล่กัดของหมาอื่นเวลาผมไปวิ่ง
ออกกำลังกาย มีหน้าที่เฝ้าบ้านยามผมไม่อยู่ เป็นเพื่อนเล่นยามผมเหงาหรือเครียดจากการทำงาน คอยระวังภัยโดยใช้ประสาทสำหรับที่ดีกว่ามนุษย์เป็นร้อยเท่า ทำให้ผมนอนหลับในบ้านอย่างสบายเพราะอุ่นใจที่มีบอร์ดี้การ์ดชั้นดีคอยปกป้องยามค่ำคืนดึกดื่น

ประกวดครั้งที่3

ในวันที่ 3 ธันวาคม 2552 ผมได้มีโอกาสพาเจ้าจูล่งไปประกวดสุนัข ในงานวันเกษตรภาคเหนือ ครั้งที่ 6 "เกษตรปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง"โดยแบ่งเป็นสองรอบ คือ รอบคัดเลือกมีสองสาย และ รอบแชมป์อ๊อพเดอะแชมป์
ซึ่งเอาตัวแทนจากทั้งสองสาย สายละ 5 ตัวมาแข่งกันอีกครั้ง
รายละเอียดการแข่งขันตามลิงค์
http://web.agri.cmu.ac.th/kasetfair52/report.asp?NID=1000000021

ใน รอบคัดเลือก มีหมาเข้าประกวด 18 ตัว หนึ่งในนี้ มีหมาพันธ์โกลเด้นชื่อกระเพรา ซึ่งเจ้าของบอกว่าบอกว่า
เขาเพิ่งได้รางวัลถ้วยพระราชทานมาหมาดๆ มาลงแข่งด้วย
แต่ผลการคัดเลือกในรอบแรกนี้ จูล่งก็เข้ามาเป็นอันดับหนึ่ง ได้ใบประกาศและเงินรางวัล 3,000 บาท
พร้อมทั้งได้สิทธิ์เข้าไปแข่งรอบแชมป์อ๊อพเดอะแชมป์
โดยชนะเจ้ากระเพราซึ่งได้อันดับสองแบบขาดลอย (จูล่งได้ 73 คะแนน กระเพราได้ 35 คะแนน)

ในวันชิงแชมป์เจ้าของเจ้ากระเพราก็กะมาล้างตาเต็มที่ด้วยการจับเจ้ากระเพรานั่งรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งจอดไว้หน้าลานประกวดเลย
พร้อมกับเขียนป้ายเชิญชวนให้มาช่วยโหวตกระเพราให้ได้แชมป์
นอกจากนี้ยังมีคู่แข่งที่สำคัญซึ่งเป็นแชมป์ของอีกสายก็เตรียมตัวมาสู้กันอย่างเต็มที่
ผลการประกวดและบรรยากาศในงานเป็นอย่างไร โปรดติดตาม
แดดแรง อากาศร้อน แต่ก็สู้ครับ










































ไปประกวดครั้งที่2

สืบเนื่องจากวันเสาร์ที่ 12 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา
ผมได้พาเจ้าจูล่งไปประกวด แฟนซีสี่ขา ยอดอัจฉริยะ ที่มหาลัยเชียงใหม่
อันที่จริงก็ไม่ได้หวังรางวัลอะไรมาก เนื่องจากเกณฑ์การประกวดที่เน้นความสามารถของสุนัขเป็นหลัก
เจ้าจูล่งก็เพิ่งอายุได้ แปดเดือนกว่า จะให้ไปลากรถยนต์โชว์ก็ไม่ไหว เดี๋ยวกระดูกกระเดี้ยวจะพังไปเสียก่อนวัยอันควร

ผลประกวดออกมาปรากฏว่าได้ที่สาม ผมเองก็กำลังงงๆ เพราะดูจากสถานการณ์แล้วน่าจะได้ที่สอง
หลังจากประกวด แฟนผมก็มากระซิบบอกว่า มีการโกงกันเกิดขึ้น เนื่องจากการให้คะแนนเป็นการโหวตจากผู้มาร่วมงาน
แต่กรรมการ ดันเอาสติ๊กเกอร์ที่เหลือจำนวนมากสำหรับโหวตไปให้ พนักงานของ บู๊ทอาหารหมายี่ห้อหนึ่ง ซึ่งก็ส่งหมาเข้าประกวดเหมือนกัน
ผลก็คือ หมาตัวนั้นได้ที่สอง แพ้ที่หนึ่งไปอย่างเฉียดฉิว
และด้วยนิสัยใจร้อนของผม แฟนผมซึ่งเห็นเหตุการณ์ ก็ไม่ยอมบอกผมในงาน กลัวผมจะไปเอาเรื่องเขา รอบอกตอนขับรถกลับบ้านแล้ว

แต่ไม่เป็นไร เป้าหมายผมไม่ใช่รางวัล แต่ ผมแค่อยากบอกผู้คนในสังคมว่า
"พิทบูล มันคือสุดยอดสุนัข มันมักจะทำสิ่งที่มหัศจรรย์ได้เสมอ " เหอๆๆๆๆๆๆๆ