วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ตอบคำถามคาใจ


ทำไมต้องเลี้ยงหมา
ผมต้องการมี “เพื่อน” ครับ
หลายท่านคงได้ยินคำกล่าวที่ว่า “มีหมาเป็นเพื่อน ดีกว่ามีเพื่อนหมาหมา”
เมื่อก่อนผมเป็นคนประเภทว่าจะทำอะไรต้องคิดเสมอว่าจะได้กำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่
และผมก็คิดว่าการเลี้ยงหมาเป็นการเพิ่มภาระให้กับตัวเองเปล่าๆ
แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่เปลี่ยนแปลงทัศนคตินี้ไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อ 14 เมษายน 2549 หลังจากที่ผมเพิ่งบรรจุเป็นปลัดอำเภอที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้เพียง 3 เดือน
ภรรยาของผมซึ่งได้ย้ายตามมาอยู่ด้วยได้นำหมาจรจัดตัวหนึ่งมา อายุประมาณ 2 เดือน
สภาพเป็นขี้เรื้อนทั้งตัว มีขนเพียงกระจุกเดียวบนหัว เจ้าของคงเอามาทิ้ง เวลาเดินไปไหนคนก็จะเอาน้ำสาด
วันหนึ่งมันแอบมานอนที่ร้านไอศกรีมที่ผมรู้จักและเคยมาพักอาศัย ผมกับภรรยาก็เลยเก็บมันมาเลี้ยง
และตั้งชื่อมันตามวันที่พบมันว่า “สงกรานต์” เรารักษาจนมันหายดี มันสวยจนไม่น่าเชื่อ
หมอที่ปศุสัตว์บอกว่ามันเป็นพันธุ์บางแก้วลูกผสม
และมันก็ตอบแทนเราด้วยการทำหน้าที่เป็นบอร์ดี้การ์ดของภรรยาผม เป็นเพื่อนยามดึก ยามที่ภรรยาผมกลัวผี
ทำให้บ้านไม่เหงา มีเรื่องให้เราได้คุยได้เมาท์ถึงเจ้าสงกรานต์อยู่เสมอ

ทำไมต้องเป็นพิทบูล
        ถึงแม้ว่าเจ้าสงกรานต์จะเป็นพันธุ์บางแก้วผสมซึ่งมีสายเลือดนักสู้อยู่บ้าง แต่ข้อเสียของมันคือตัวเล็กไปหน่อยและไม่สามารถปกป้องเราจากการโดนหมาข้างถนนที่ชอบไล่กัดเราอยู่เสมอ บ่อยครั้งที่สงกรานต์โดนหมาข้างถนนไล่กันอย่างหัวซุกหัวซุน ผมกลับกลายเป็นฝ่ายที่ต้องปกป้องมันมากกว่าที่มันจะปกป้องผม วันหนึ่งผมจึงเริ่มศึกษาและมีความคิดว่าอยากจะได้หมาที่แข็งแกร่งมาเลี้ยงไว้ เพื่อช่วยสงกรานต์เฝ้าบ้านซึ่งมีพื้นที่กว่า 5 ไร่ ผมจึงซื้อร็อตไวเลอร์ผสมโดเบอร์แมนมาตัวหนึ่ง เป็นตัวผู้ มันชื่อ “คริสมาสต์” และซื้อพิทบูลตัวเมียจมูกแดงตัวหนึ่งมาเลี้ยง ชื่อ “พิทตี้”
         วันหนึ่งในระหว่างที่ผมกำลังพา สงกรานต์ คริสมาสต์(อายุ 6 เดือน) และพิทตี้ (อายุ 3 เดือน) ไปวิ่ง ปรากฏว่ามีหมาข้างถนนหลายตัววิ่งมาเห่าผมพร้อมทั้งเข้ามากัดเจ้าสงกรานต์ เจ้าคริสต์มาสต์ก็ทำให้ผมตะลึงด้วยการวิ่งหนีกลับบ้านทันที ส่วนเจ้าพิทตี้ซึ่งตัวเล็กที่สุดก็ทำให้ผมยืนอ้าปากค้างด้วยการวิ่งเข้าไปตะลุมบอนในกลุ่มหมาใหญ่โดยไม่ลังเลหรือเกรงกลัวใดๆ หลังจากนั้นผมจึงเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง จนค้นพบว่า พิทบูล คือหมาเลือดนักสู้ ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
       แต่ผมต้องทำความเข้าใจกับทุกๆท่านก่อนนะครับว่า ผมไม่ได้เลี้ยงหมาที่กัดเก่งๆเพื่อไปทำร้ายใครหรือไปรังแกหมาตัวไหน
แต่คนอย่างผมรับไม่ได้กับการโดนรังแก พิทบูลที่ผมเลี้ยงเป็นเพียงบอดี้การ์ดที่คอยปกป้องผม จากการไล่กัดของหมาอื่นเวลาผมไปวิ่ง
ออกกำลังกาย มีหน้าที่เฝ้าบ้านยามผมไม่อยู่ เป็นเพื่อนเล่นยามผมเหงาหรือเครียดจากการทำงาน คอยระวังภัยโดยใช้ประสาทสำหรับที่ดีกว่ามนุษย์เป็นร้อยเท่า ทำให้ผมนอนหลับในบ้านอย่างสบายเพราะอุ่นใจที่มีบอร์ดี้การ์ดชั้นดีคอยปกป้องยามค่ำคืนดึกดื่น

ทำไมต้องเป็นหมาแดง
พิทบูลในยุคแรกถูกสร้างมาเพื่อการกัดกันในสังเวียน แต่ในปัจจุบันพิทบูลถูกพัฒนาสายพันธุ์ไปหลายสาย บางตัวเตี้ย สั้น อ้วนเกือบเท่าบูลด๊อก บางตัวเน้นโครงสร้างเพื่อการประกวด แต่นิสัยการเป็นนักสู้และทักษะในการกัดนั้นลดลงไปมาก
และจากการศึกษาคลิปวิดีโอการต่อสู้ของพิทบูลหลายแบบ ผมรู้สึกประทับใจกับการต่อสู้ของพิทบูลจมูกแดง หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า “หมาแดง” ซึ่งสืบเชื้อสายมาจาก พิทบูลในกลุ่มที่เรียกว่า Old Family Red Nose ซึ่งเป็นพิทบูลสายกัดที่เคยสร้างชื่อไว้ในยุคหนึ่ง ลักษณะของการต่อสู้ที่ดุดัน รวดเร็ว เต็มไปด้วยพละกำลัง รวมทั้งความใจสู้ที่เป็นแรงขับภายใน ประเภทว่าหนีไม่เป็น หรือไม่ตายก็ไม่เลิก ทำให้ผมประทับใจมาก

ทำไมต้องเป็นหมาแดงตัวใหญ่
จากการสืบค้นข้อมูลในเว็บไซต์ต่างๆ พบว่าพิทบูลสายกัดแท้ๆนั้นมีน้ำหนักไม่ถึง 20 กิโลกรัม แม้ว่าจะมีทักษะการกัดที่ดีและมีความใจสู้ แต่จากคลิปวีดิโอการต่อสู้ผมพบว่า น้ำหนักของหมานั้นมีผลต่อแรงปะทะและการกดหรือสะบัดคู่ต่อสู้อย่างมาก มีอยู่คลิปหนึ่งหมาพันธุ์คันกัล (Kangal) กัดพิทบูลตายในห้านาที โดยมันกัดที่คอและกดลงบดกับพื้นและสะบัดไปมา ด้วยน้ำหนักตัวที่เยอะกว่ามากทำให้พิทบูลแพ้แบบหมดทางสู้ แต่ในคลิปที่หมาแดงตัวใหญ่สู้กับคันกัล ส่วนใหญ่มักจะเห็นคันกัลร้องเสียงหลงและต้องวิ่งหนีในที่สุด
นอกจากนี้ผมได้ค้นข้อมูลพบหมาแดงตัวหนึ่ง ชื่อ “เชฟวี่ : Chevy” ซึ่งเป็นหมาแดงตัวใหญ่เกือบ 50 กิโลกรัม ที่เป็นแชมป์โลกลากน้ำหนักถึง 6 สมัย และเป็นเจ้าของสถิติโลกการลากน้ำหนักกว่า 5 ตัน ซึ่งยากจะทำลายสถิตินี้ลงได้ ทำให้ผมยิ่งมั่นใจในความแข็งแกร่งของหมาแดงยิ่งขึ้นไปอีก

ตัวขนาดไหนจึงจะเรียกได้ว่าเป็นหมาแดงตัวใหญ่
จากการสืบค้นข้อมูลในเว็บไซต์ ถ้าเป็นหมาแดงขนาดธรรมดา ตัวผู้จะน้ำหนักประมาณ 25-35 กิโลกรัม ส่วนตัวเมียจะอยู่ที่ประมาณ 20-25 กิโลกรัม แต่สำหรับหมาแดงขนาดใหญ่หรือที่เรียกว่าหมาแดงโอเวอร์ไซส์ (Over size) ถ้าตัวผู้น้ำหนักเกินกว่า 40 กิโลกรัมก็โอเคแล้ว ส่วนตัวเมียซัก 35 กิโลกรัมก็กำลังเหมาะ แต่ไม่ใช่วัดที่น้ำหนักอย่างเดียวนะครับ เพราะบางตัวอ้วนเป็นหมู พาไปวิ่งแข่งกับหมาพุดเดิ้ลซักสามสี่กิโลเมตรแล้วอ้วกแตก อย่างนี้ใช้ไม่ได้
ในคลิปวิดีโอที่หมาแดงสู้กับโดโก้อาเจนติโน่ คาดคะเนด้วยสายตา หมาแดงในคลิปน้ำหนักน่าจะประมาณเกือบ 40 กิโลกรัม ส่วนโดโก้ในคลิปน้ำหนักน่าจะอยู่ที่ 45-50 กิโลกรัม จะเห็นได้ว่าจังหวัดปะทะกันตอนแรกหมาแดงถึงกับกระเด็น แต่ด้วยสไตล์การกัดที่ดุดันและน้ำหนักที่ไม่ต่างกันมากนัก มันจึงสามารถโค่นโดโก้ได้ ซึ่งหากปล่อยให้กัดกันโดยไม่แยก รับรองว่าโดโก้ตายร้อยเปอร์เซ็นเพราะหมาแดงมันจะกัดจนกว่าศัตรูจะแน่นิ่ง ประเภทว่าตายกันไปข้างนึงเลย

จูล่งเป็นหมาแดงแบบไหน
จูล่งเป็นหมาแดงขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเรดเรดโน้ส Redrednose คือมีขนสีน้ำตาลหรือแดงเป็นส่วนใหญ่และมีสีขาวเป็นส่วนน้อย โดยจะต้องไม่มีลายเสือหรือมีสีอื่นแซม มิเช่นนั้นจะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม ที่เรียกว่า แฟนซีเรดโน้ส ซึ่งสายเลือดจะห่างจากความเป็น Old Family Red Nose ออกไปอีก
สายเลือดของจูล่งเกิดจากการผสมผสานทั้ง สาย Chevy +Old Family Red Nose + สายกัด และแม้กระทั่งสายประกวด ซึ่งข้อดีของการผสมแบบนี้คือเป็นการผสมสายเลือดที่ห่างกัน ลูกผสมมักจะมีลักษณะที่ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น ใหญ่ขึ้น ต้านทานต่อโรคและมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดขึ้น ตามหลักทางพันธุกรรมศาสตร์
น้ำหนักจูล่งเคยขึ้นไปสูงเกือบ 60 กิโลกรัม แต่นั่นเป็นการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม น้ำหนักที่ควรจะเป็นจึงน่าจะอยู่ที่ 47-50 เหมือนกับ Chevy ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของมัน